Category Archives: Blog

นพ. สุทธิพงษ์ ตรีรัตน์ ร่วมเป็นวิทยากร งานประชุมประจำปีของสมาคม Thaicosderm ปี 2567

นพ. สุทธิพงษ์ ตรีรัตน์ ร่วมเป็นวิทยากร งานประชุมประจำปีของสมาคม Thaicosderm ปี 2567 นพ. สุทธิพงษ์ ตรีรัตน์ อายุรแพทย์เฉพาะทางตจวิทยาและเวชสำอาง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับเกียรติเป็นวิทยากรในงานประชุมประจำปีของสมาคม Thaicosderm ประจำปี 2567 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 26-28 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในการประชุมนี้ นพ. สุทธิพงษ์ ตรีรัตน์ จะร่วมแชร์องค์ความรู้และประสบการณ์ในหัวข้อ “การดูแลผิวหลังการรักษาโรคผิวหนังด้วยยาชีวภาพ” ซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวทางการดูแลผิวหนังของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาชีวภาพ รวมถึงการจัดการภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับผิวหนังจากการใช้ยาเหล่านี้ นอกจากนี้ นพ. สุทธิพงษ์ ตรีรัตน์ ยังจะร่วมนำเสนอผลงานวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับการดูแลผิวหลังการรักษาด้วยยาชีวภาพ เพื่อแบ่งปันความก้าวหน้าและแนวทางการดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ การประชุมประจำปีของสมาคม Thaicosderm เป็นงานประชุมระดับชาติที่สำคัญสำหรับแพทย์ผิวหนัง แพทย์เวชสำอาง และผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพผิวหนังในประเทศไทย งานประชุมนี้เป็นเวทีสำหรับแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ แบ่งปันข้อมูลใหม่ๆ และหารือเกี่ยวกับความท้าทายในด้านผิวหนังวิทยาและเวชสำอาง นับเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องในสาขานี้ได้มาพบปะ เชื่อมโยง และอัปเดตแนวทางปฏิบัติล่าสุด

อาหารสร้างกล้ามท้อง ผู้หญิง ปั้นซิกแพคได้ง่าย ๆ แบบเร่งด่วน

อาหารสร้างกล้ามท้องสำหรับหญิงสาว ปั้นซิกแพคเร็วฉบับด่วน อาหารมีบทบาทสำคัญในการสร้างซิกแพคที่สวยงามสำหรับหญิงสาว โดยเน้นการบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน และไขมันดี โปรตีน โปรตีนเป็นสารอาหารหลักที่ช่วยซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อ การรับประทานโปรตีนเพียงพอกับความต้องการของร่าง จะเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการสร้างซิกแพค ปริมาณโปรตีนที่แนะนำ: 1.6-2.2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน อาหารที่อุดมด้วยโปรตีน: เนื้อสเต็ก อกไก่งวง ปลา แซลมอน ไข่ นม โยเกิร์ต ถั่วเลนส์ คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจะให้พลังงานที่ยาวนานและสม่ำเสมอแก่ร่าง โดยไม่ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว คาร์โบไฮเดรตยังช่วยเติมไกลโคเจนในกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นพลังงานหลักของกล้ามเนื้อระหว่ การออกกำลัง ปริมาณคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่แนะนำ: 4-6 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน อาหารที่อุดมด้วยคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน: ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ขน่วมปังโฮลวีท ผักผลไม้ ไขมันดี ไขมันดีเป็นสิ่งจำเป็นต่อการผลิตฮอร์โมน ช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน และให้พลังงาน โดยไม่เป็นสาเหตุของโรคหัวใจ ปริมาณไขมันดีที่แนะนำ: 20-35% ของพลังงานที่ได้รับต่อวัน อาหารที่อุดมด้วยไขมันดี: อะโวคาโด น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว เมล็ดถั่ว เติมน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำงานของร่าง […]

แก้มไม่เท่ากัน ปรับรูปหน้าให้เท่ากัน ด้วยการผ่าตัดกระพุ้งแก้ม

แก้มไม่เท่ากัน ปรับรูปหน้าให้เท่ากัน ด้วยการผ่าตัดกระพุ้งแก้ม การผ่าตัดกระพุ้งแก้ม เป็นขั้นตอนการผ่าตัดที่ช่วยปรับปรุงรูปร่างและความสมมาตรของใบหน้าโดยการกำจัดหรือปรับรูปร่างกระพุ้งแก้ม กระพุ้งแก้มคือถุงไขมันที่อยู่บริเวณโหนกแก้มและใต้ดวงตา ซึ่งอาจทำให้ใบหน้าดูไม่สมดุลและไม่น่ามอง การผ่าตัดกระพุ้งแก้มสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ทำให้ใบหน้าของคุณดูรูปไข่ เรียว และสมมาตรมากขึ้น ประโยชน์ของการผ่าตัดกระพุ้งแก้ม ปรับปรุงความสมมาตรของใบหน้า ลดขนาดกระพุ้งแก้ม ให้ใบหน้าดูเรียว แก้ไขความหย่อนคล้อยของใบหน้า คืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า ขั้นตอนการผ่าตัดกระพุ้งแก้ม การผ่าตัดกระพุ้งแก้มโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง และทำในรูปแบบผู้ป่วยนอกได้ ขั้นตอนการผ่าตัดมีดังนี้: แพทย์จะเริ่มต้นโดยการทำเครื่องหมายที่ด้านในของกระพุ้งแก้ม ต่อมา แพทย์จะทำแผลเล็กๆ ที่ด้านในของกระพุ้งแก้ม แล้วจึงใช้เครื่องมือผ่าตัดพิเศษในการกำจัดหรือปรับรูปร่างกระพุ้งแก้ม หลังจากนั้น แพทย์จะเย็บแผลปิด การดูแลหลังการผ่าตัด หลังการผ่าตัด คุณอาจประสบกับอาการบวมและช้ำเล็กน้อย บวมและช้ำเหล่านี้จะค่อยๆ หายไปภายในไม่กี่สัปดาห์ แพทย์จะให้คำสั่งเกี่ยวกับวิธีดูแลแผลผ่าตัดและหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจรบกวนการรักษา คุณอาจจะต้องรับประทานอาหารเหลวในช่วงสองสามวันแรกหลังการผ่าตัด เมื่อแผลผ่าตัดหายดี คุณสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดกระพุ้งแก้มนั้นเกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกับขั้นตอนการผ่าตัดอื่นๆ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่: อาการบวมและช้ำ การติดเชื้อ เลือดออก ความเจ็บปวด รอยแผลเป็น ความไม่สมมาตรของใบหน้า

รักษารอยแตกลายหลังคลอด รีวิวพลีชีพ สไตล์ See You Fit Girl

รักษารอยแตกลายหลังคลอด รีวิวพลีชีพ สไตล์ See You Fit Girl สวัสดีค่ะทุกคน กลับมาพบกันกับ See You Fit Girl อีกครั้งนะคะ วันนี้เรามีเรื่องมารีวิวเกี่ยวกับการรักษารอยแตกลายจากการตั้งครรภ์มาฝากกันค่ะ เป็นรีวิวจากประสบการณ์จริงหลังจากที่ผ่านการคลอดลูกมาได้ 6 เดือน โดยที่ช่วงตั้งครรภ์นั้นไม่ค่อยมีรอยแตกลายเลย เพราะทาครีมป้องกันรอยแตกลายไว้เป็นประจำ แต่ปรากฏว่าหลังคลอดรอยแตกลายกลับขึ้นมาจนได้ แถมขึ้นมาเยอะด้วย วิธีการรักษารอยแตกลายหลังคลอด ตอนที่รอยแตกลายเริ่มขึ้นใหม่ๆ เราก็ตกใจอยู่นะคะ กลัวว่าจะรักษาไม่หาย แต่ก็จำได้ว่าคุณหมอที่ฝากครรภ์เคยบอกไว้ว่า รอยแตกลายจะค่อยๆ จางลงเองภายใน 6 เดือนถึง 1 ปี แต่เราก็รู้สึกอดใจรอไม่ไหว อยากจะรีบๆ รักษาให้หายไวๆ มันเลยเป็นที่มาของการตามหาครีมทารักษาแตกลายต่างๆ มาใช้ จนได้มาเจอกับครีมตัวนี้ค่ะ ครีมที่เราใช้รักษารอยแตกลายหลังคลอดก็คือ Bio-Oil ซึ่งเป็นครีมที่ช่วยลดรอยแตกลาย โดยมีส่วนผสมจากธรรมชาติหลายชนิด เช่น น้ำมันลาเวนเดอร์ น้ำมันคาโมมายล์ น้ำมันโรสแมรี่ และวิตามินเอ วิตามินอี เป็นต้น ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้ล้วนแต่มีสรรพคุณในการช่วยลดรอยแตกลายได้ทั้งสิ้น ผลลัพธ์หลังใช้ หลังจากที่ใช้ไปได้ประมาณ 2 เดือน […]

ดูดไขมันด้วย Bodytite Pro กับ Vaser Smooth อะไรดีกว่ากัน

ดูดไขมันด้วย Bodytite Pro กับ Vaser Smooth อะไรดีกว่ากัน การดูดไขมันเป็นวิธีการกำจัดไขมันส่วนเกินที่ไม่สามารถลดได้ด้วยการควบคุมอาหารหรือการออกกำลังกาย โดยมีเทคนิคที่หลากหลายให้เลือกใช้ เทคนิค Bodytite Pro และ Vaser Smooth เป็นสองเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยแต่ละเทคนิคมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ซึ่งการเลือกว่าเทคนิคใดดีกว่าจึงขึ้นอยู่กับความต้องการและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล เทคนิค Bodytite Pro Bodytite Pro เป็นเทคนิคการดูดไขมันที่ใช้พลังงานความถี่วิทยุ (RF) ในการสลายไขมันและกระชับผิวหนังส่วนเกิน โดยพลังงาน RF จะถูกส่งผ่านหัวอิเล็กโทรดขนาดเล็กที่สอดเข้าไปในบริเวณที่ต้องการดูดไขมัน เมื่อพลังงาน RF เข้าไปในชั้นไขมันจะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของเซลล์ไขมัน ทำให้เซลล์ไขมันแตกตัวและสลายตัวออกเป็นของเหลว จากนั้นของเหลวเหล่านี้จะถูกดูดออกโดยใช้เครื่องดูดไขมันพิเศษ ข้อดีของเทคนิค Bodytite Pro ได้แก่ ช่วยสลายและกำจัดไขมันส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยกระชับผิวหนังส่วนเกิน ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น เวลาในการพักฟื้นค่อนข้างสั้น ผลลัพธ์ค่อนข้างถาวร มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากใช้พลังงาน RF ที่มีความแม่นยำสูง อย่างไรก็ตาม เทคนิค Bodytite Pro อาจมีข้อเสีย ดังนี้ มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง อาจเกิดอาการแสบร้อนบริเวณที่ดูดไขมันได้หลังการผ่าตัด […]

วิธีทำให้นมใหญ่ แบบธรรมชาติ เสริมความมั่นใจ ไม่ต้องเจ็บตัว

วิธีทำให้นมใหญ่ ขนาดใหญ่ตามธรรมชาติ เสริมความมั่นใจ ไม่ต้องเจ็บตัว การมีหน้าอกที่ใหญ่ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติสามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจและเสริมสร้างภาพลักษณ์ของผู้หญิงได้อย่างมาก มีวิธีต่างๆ มากมายที่สามารถช่วยให้ผู้หญิงเพิ่มขนาดหน้าอกได้โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดหรือยาอันตราย ซึ่งบางวิธีเหล่านี้ได้แก่: การออกกำลังกายที่เน้นหน้าอก การออกกำลังกายแบบบริหารกล้ามเนื้อทรวงอกเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการเพิ่มขนาดหน้าอก เนื่องจากการออกกำลังกายเหล่านี้จะช่วยสร้างกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก ซึ่งจะทำให้หน้าอกดูใหญ่ขึ้นและเต่งตึงขึ้น การออกกำลังกายที่แนะนำบางอย่างได้แก่: Bench press Push-ups Dumbbell flyes การนวดหน้าอก การนวดหน้าอกสามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตไปยังบริเวณหน้าอก ซึ่งอาจช่วยให้หน้าอกใหญ่ขึ้น การนวดควรถ้าวดำเนินการเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 5-10 นาที ควรใช้แรงกดที่คงที่และเคลื่อนไหวเป็นวงกลม การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่จำเป็น การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่จำเป็น เช่น โปรตีน ไขมันที่ดี และวิตามินบางชนิด อาจช่วยส่งเสริมสุขภาพของหน้าอกและกระตุ้นการเจริญเติบโตได้ อาหารบางอย่างที่แนะนำ ได้แก่: ไข่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่วและธัญพืช ผลไม้และผัก วิตามินและอาหารเสริม วิตามินและอาหารเสริมบางชนิด เช่น Fenugreek และ Pueraria mirifica อาจช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของหน้าอก วิตามินและอาหารเสริมเหล่านี้ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและภายใต้คำแนะนำของแพทย์ การใช้อุปกรณ์ขยายหน้าอก การใช้อุปกรณ์ขยายหน้าอก เช่น เสื้อยกทรงเสริมทรงและชุดปั๊มหน้าอก อาจช่วยเพิ่มขนาดหน้าอกชั่วคราวได้ในระยะสั้นๆ อย่างไรก็ตาม ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและไม่ควรใช้เป็นเวลานานเกินไป

กินดึกอ้วนไหม มีผลเสียต่อสุขภาพอย่างไรมาหาคำตอบกัน

กินดึกอันใด มีผลเสียอย่างไรต่อสุขภาพ หาคำตอบ การกินดึกเป็นพฤตกรรมที่พบได้ทั่วไปในสังคมปัจจุบัน ด้วยรูปแบบชีวิตที่เร่งรีบ ทำให้มักจะละเลยม وعدอาหารหลักตอนเย็น แล้วหันไปรับประทานอาหารในช่วงดึกๆ แทน ซึ่งพฤตกรรมดังกล่าวอาจมีผลเสียต่อสุขภาพได้ในระยะยาว กินดึกมีผลเสียอย่างไรต่อสุขภาพ การกินดึกมีผลต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะในระบบย่อยอาหาร ระบเผาผระหนบ ระบุภูมิคุ้มัน นอนหลับ ฯลฯ ระบย่อยอาหาร อาหารที่รับประทานในช่วงดึกจะอยู่ในในกระเพาะอาหารเป็นเวลานานกว่าปกตินี้ เพราะร่างกายเเข้าส่ภาวะการนอนหลับระบบย่อยอาหารจะทำงานได้ไม่ดีเท่ามา ชึ่งอาจก่อให้แบตเต้รี่ อาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ ระเผาผระหนบ กินดึกไขมันจะเก็น้วยง่ายกว่าตอนกลางวัน เพราะในมาเป็นช่วงที่ร่างกายเผาผระหนบได้ในการเลยน ระตุภูมิคุ้มมัน ระบุภูมิคุ้มมันจะทำงานได้ไม่ดีนักในยามค่ำคืน เพราะฉะนั้นการตกดึกป่วยได้ง่ายขึ้น ระบุการนอนหลับ เมื่อรับประทานอาหารในช่วงดึก ร่างกายจะหลั่งฮอรมโมนอินซูลิน ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น กระตุนให้ร่างกายตื่นอยู่ ทำให้นอนหลับยากขึ้น

รีวิว วิธีแก้รักแร้ปลิ้น บอกลาแบบถาวร

รีวิว วิธีแก้รักแร้ปลิ้น บอกลาแบบถาวร วิธีแก้รักแร้ปลิ้นถาวร รักแร้ปลิ้น ปัญหากวนใจที่ทำลายความมั่นใจ การหา วิธีแก้รักแร้ปลิ้น จึงเป็นเรื่องที่หลายคนมองหา วันนี้เราจะมารีวิววิธีแก้รักแร้ปลิ้นที่ได้ผลจริง โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด 👉 วิธีแก้รักแร้ปลิ้นแบบถาวร จากประสบการณ์ตรง ผู้เขียนก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มีปัญหารักแร้ปลิ้นมานาน โดยได้ลองหาวิธีแก้ไขมากมาย แต่ก็ไม่ได้ผลถาวร จนได้มาเจอวิธีนี้ ซึ่งเป็นการรักษาโดยใช้เครื่องมือเฉพาะทาง ที่จะเข้าไปทำให้เซลล์ไขมันใต้รักแร้สลายตัว โดยไม่ทำลายเซลล์ผิวหนังบริเวณอื่นๆ ผลลัพธ์ที่ได้คือ รักแร้ที่กระชับ เรียบเนียนขึ้นแบบถาวร โดยไม่ต้องผ่าตัด ขั้นตอนการรักษา ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินอาการ ทำความสะอาดบริเวณรักแร้ ฉีดยาชาเพื่อลดความเจ็บปวด ใช้เครื่องมือเฉพาะทางในการสลายเซลล์ไขมันใต้รักแร้ พักฟื้นประมาณ 1-2 ชั่วโมง และสามารถกลับบ้านได้ หลังการรักษา หลังการรักษา อาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อย ซึ่งจะค่อยๆ ยุบลงภายใน 1-2 สัปดาห์ และแนะนำให้สวมเสื้อชั้นในแบบกระชับเพื่อช่วยพยุงรักแร้ ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้อย่างชัดเจนหลังการรักษา 1-2 เดือน ข้อดี ผลลัพธ์ถาวร ไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาในการรักษาสั้น ปลอดภัย ไร้แผลเป็น ไม่ต้องพักฟื้นนาน สรุป สำหรับผู้ที่กำลังมองหาวิธีแก้รักแร้ปลิ้นแบบถาวร วิธีนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก […]

รักษาอาการนอนกรน ไม่ต้องเผชิญกับการนอนกรนอีกต่อไป!

รักษาอาการนอนกรน ไม่ต้องเผชิญกับการนอนกรนอีกต่อไป! อาการนอนกรนเป็นปัญหากวนใจที่ส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับของคุณและของคนรอบข้างได้ การนอนกรนไม่เพียงแต่ทำให้เกิดเสียงน่ารำคาญเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นสัญญาณของภาวะสุขภาพที่ซ่อนอยู่ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องกังวลไปเพราะมีวิธีรักษาอาการนอนกรนมากมายที่สามารถช่วยคุณได้ วิธีรักษาอาการนอนกรน มีหลายวิธีในการรักษาอาการนอนกรน บางวิธีเป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด ในขณะที่บางวิธีอาจต้องผ่าตัดขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ วิธีรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด ได้แก่: การลดน้ำหนัก: การลดน้ำหนักสามารถช่วยลดแรงกดบนทางเดินหายใจและลดการนอนกรนได้ การใช้แผ่นแปะจมูก: แผ่นแปะจมูกช่วยขยายทางเดินหายใจและลดการนอนกรน อุปกรณ์ช่วยหายใจทางปาก: อุปกรณ์ช่วยหายใจทางปากช่วยดันขากรรไกรล่างไปข้างหน้าเพื่อเปิดทางเดินหายใจ เปลี่ยนท่าทางการนอน: การนอนตะแคงแทนการนอนหงายสามารถช่วยลดการนอนกรนได้ ยกศีรษะ: การยกศีรษะให้อยู่ในท่าสูงขึ้นสามารถช่วยเปิดทางเดินหายใจและลดการนอนกรนได้ หากวิธีรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดไม่ได้ผล แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อแก้ไขการอุดกั้นทางเดินหายใจ วิธีการผ่าตัด ได้แก่: การผ่าตัดผ่านกล้องส่องจมูก (nasal endoscopy): เป็นการผ่าตัดผ่านรูจมูกเพื่อขยายทางเดินหายใจ การผ่าตัดยูวูล่า (uvulopalatopharyngoplasty – UPPP): เป็นการผ่าตัดเพื่อลบหรือทำให้เนื้อเยื่อส่วนเกินในลำคอที่ทำให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจลดลง การผ่าตัดตัดลิ้นไก่และเพดานอ่อน (tonsillectomy and adenoidectomy): เป็นการผ่าตัดเพื่อลบต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์ที่ทำให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ ป้องกันการนอนกรน นอกจากการรักษาแล้ว ยังมีมาตรการป้องกันต่างๆ ที่อาจช่วยป้องกันการนอนกรน ได้แก่: หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาที่ทำให้สงบ: สารเหล่านี้สามารถทำให้กล้ามเนื้อทางเดินหายใจคลายตัวและทำให้ทางเดินหายใจแคบลง นอนหลับในสภาพแวดล้อมที่เย็นและชื้น: อากาศแห้งอาจระคายเคืองทางเดินหายใจและทำให้การนอนกรนแย่ลง ใช้เครื่องกรองอากาศ: เครื่องกรองอากาศสามารถช่วยขจัดสารก่อภูมิแพ้และสิ่งระคายเคืองที่อาจทำให้เกิดการอักเสบในทางเดินหายใจได้ นอนหลับอย่างเพียงพอ: การอดนอนสามารถทำให้กล้ามเนื้อทางเดินหายใจอ่อนแรงและเพิ่มความเสี่ยงในการนอนกรน การนอนกรนเป็นปัญหาที่พบบ่อย […]

หลังดูดไขมันควรนอนท่าไหน ข้อควรรู้ในการดูแลตัวเอง

หลังดูดไขมันควรนอนท่าไหนถึงดี นอนหงาย ศีรษะสูง เป็นท่ามาตรฐานที่แนะนำให้ผู้ที่เพิ่งดูดไขมันนอน เนื่องจากจะช่วยลดอาการบวมและช้ำได้ดี โดยให้ยกศีรษะสูงด้วยหมอนเพื่อให้ของเหลวไหลเวียนได้สะดวก นอนตะแคง หลังผ่าน 2-3 วันหลังดูดไขมัน หากไม่มีอาการเจ็บหรือปวดมากนัก ก็สามารถนอนตะแคงได้ แต่ควรนอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่งไปก่อน โดยไม่ควรนอนตะแคงข้างที่เพิ่งดูดไขมัน เพราะอาจทำให้เกิดความดันและบวมได้ นอนคว่ำ ท่านี้ไม่แนะนำให้ทำหลังดูดไขมัน เพราะจะทำให้แผลผ่าตัดมีโอกาสเปิดได้และเลือดไหลไม่หยุด ข้อควรระวังในการดูแลตัวเอง เพื่อให้แผลหายไวและได้ผลลัพธ์ที่ดีหลังดูดไขมัน ควรปฏิบัติดังนี้ ใส่ชุดชั้นในกระชับที่แพทย์สั่งตลอดเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ เพื่อช่วยให้ผิวกระชับและลดการบวม ประคบเย็นบริเวณที่ดูดไขมันเพื่อลดอาการบวม หลีกเลี่ยงการอาบน้ำในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด และหลังจากนั้นควรงดอาบน้ำอุ่นจัด หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือออกกำลังกายหนักๆ อย่างน้อย 4 สัปดาห์หลังผ่าตัด รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เน้นโปรตีนและผักผลไม้ หลีกเลี่ยงอาหารเค็มและอาหารหมักดอง งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

7 วิธีทำให้รูฟิต แบบธรรมชาติ ทำง่าย ๆ ด้วยตนเองที่บ้าน

วิธีทำให้รูฟิต แบบธรรมชาติ ทำง่ายๆ ด้วยตัวเองที่บ้าน รูฟิตเป็นอาการที่รูเปิดทางเข้าช่องคลอดมีขนาดหย่อนยานกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การคลอดบุตร การมีเพศสัมพันธ์ การเพิ่มอายุ เป็นต้น แม้ว่าอาการรูฟิตจะไม่ใช่โรคร้ายแรงอันตรายใดๆ แต่ก็สร้างความกังวลใจให้กับสาวได้ไม่น้อยเลย วันนี้เราจึงมีวิธีทำให้รูฟิตแบบธรรมชาติ ทำง่ายๆ ด้วยตัวเองที่บ้านมาฝาก รับรองว่าทำได้ง่าย และได้ผลลัพธ์ที่ดีแน่นอน วิธีทำให้รูฟิตแบบธรรมชาติ ทำได้อย่างไรบ้าง? 1. เพิ่มน้ำหนัก การเพิ่มน้ำหนักเป็นวิธีทำให้รูฟิตตามธรรมชาติที่ง่ายที่สุด วิธีนี้จะช่วยเพิ่มแรงกดในช่องท้อง ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานแข็งแรงขึ้นส่งผลให้รูบริเวณช่องคลอดกระชับขึ้นนั่นเอง 2. การออกกำลังกาย ท่าบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน สามารถช่วยทำให้รูฟิตได้จริง ซึ่งท่าที่แนะนำ เช่น ท่าคีเกล (Kegels) ที่ช่วยบริหารกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนัก ท่าบริหารกล้ามเนื้อช่องคลอด (Pelvic Floor Exercises) ท่าบริหารกล้ามเนื้อปัสสาวะ (Urinary Incontinence Exercises) 3. นวดกระตุ้นด้วยตนเอง การนวดกระตุ้นบริเวณรอบๆ ช่องคลอดสามารถช่วยทำให้รูฟิตได้ วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตบริเวณดังกล่าว ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นแข็งแรงขึ้น และกลับมากระชับดังเดิมได้ 4. พักฟื้นหลังคลอดให้เพียงพอ คุณแม่ที่เพิ่งคลอดบุตรใหม่ๆ ควรพักฟื้นให้เต็มที่อย่างน้อย 6-8 สัปดาห์ […]

หลังแอ่น แก้ยังไง รักษาได้ด้วยการทำศัลยกรรมจริงหรือ?

หลังแอ่น แก้ยังไง รักษาได้ด้วยการทำศัลยกรรมจริงหรือ? หลังแอ่น หรือที่รู้จักในชื่อไซฟ์โอซีส (Cyphosis) คือภาวะกระดูกสันหลังส่วนบนแอ่นเข้ามา ทำให้หลังค่อมผิดรูปสภาพ ภาวะนี้ส่งผลไม่เพียงแค่ภาพลักษณ์ แต่ยังกระทบต่อสุขภาพโดยรวมด้วย เช่น ปวดหลัง ปวดไหล่ หายใจลำบาก และมีโอกาสเกิดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้ สาเหตุของหลังแอ่นนั้นมีหลากหลาย เช่น อายุที่เพิ่มมากขึ้น ภาวะกระดูกพรุน ท่าทางในการยืนหรือนั่งที่ไม่ถูกต้อง โรคกระดูกสันหลังอักเสบ หรือเกิดจากความผิดปกติของกระดูกตั้งแต่กำเนิด หากต้องการรักษาให้หายขาด ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม ในกรณีที่อาการหลังแอ่นยังไม่รุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ใช้วิธีการรักษาแบบไม่ผ่าตัด เช่น การออกกำลังกายเฉพาะส่วนเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังให้แข็งแรง การทำกายภาพบำบัดเพื่อปรับท่าทางและลดอาการปวด การใส่เครื่องพยุงกระดูกเพื่อช่วยพยุงและดึงกระดูกสันหลังให้ตรง การใช้ยาลดอาการปวดและลดการอักเสบ การรักษาด้วยการทำศัลยกรรม หากวิธีการรักษาแบบไม่ผ่าตัดไม่ได้ผล แพทย์อาจแนะนำให้ทำการผ่าตัดเพื่อแก้ไขความผิดปกติของกระดูกสันหลัง โดยมีจุดประสงค์เพื่อลดอาการปวด ปรับปรุงท่าทาง และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น การกดทับไขสันหลัง การทำศัลยกรรมรักษาหลังแอ่นมีหลายวิธี โดยวิธีที่เหมาะสมที่สุดจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจะต้องพักฟื้นและทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้กระดูกสันหลังฟื้นฟูได้อย่างถูกต้อง โดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วยจะต้องสวมใส่เฝือกหรือเครื่องพยุงหลังเพื่อช่วยพยุงกระดูกสันหลังขณะพักฟื้น และอาจต้องทำกายภาพบำบัดเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังให้แข็งแรงและปรับปรุงท่าทางหลังผ่าตัด