รีวิว เคล็ดลับการลดกลิ่นตัว ลดเหงื่อแบบถาวร กลิ่นตัวและเหงื่อเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไป ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นใจและกิจวัตรประจำวันของเรา แต่ไม่ต้องกังวลเพราะมีเคล็ดลับและเทคนิคมากมายที่สามารถช่วยลดกลิ่นตัวและเหงื่อแบบถาวร เคล็ดลับที่ได้ผลจริง รักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ: อาบน้ำทุกวันและทำความสะอาดบริเวณที่เหงื่อออกง่ายเป็นพิเศษ เช่น รักแร้และเท้า ใช้สบู่ต้านแบคทีเรียเพื่อกำจัดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่น ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายและลดเหงื่อ: มีผลิตภัณฑ์หลากประเภททั้งแบบสเปรย์ โรลออน และครีม เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณและมีส่วนผสมที่ช่วยระงับกลิ่นและเหงื่อ เช่น เกลืออลูมิเนียมคลอไรด์ โกนขนรักแร้: ขนรักแร้ช่วยกักเก็บแบคทีเรียและสร้างกลิ่น ฉะนั้นการโกนขนรักแร้จึงช่วยลดกลิ่นตัวได้ สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี: เลือกสวมเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าธรรมชาติ เช่น ฝ้ายหรือลินิน ซึ่งช่วยระบายเหงื่อและลดความอับชื้น ลดความเครียด: ความเครียดสามารถกระตุ้นให้เกิดเหงื่อ ฉะนั้นการจัดการความเครียดจึงสำคัญ พยายามหากิจกรรมผ่อนคลาย เช่น โยคะ การนั่งสมาธิ หรือการออกกำลังกาย ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำช่วยชำระร่างกายและลดเหงื่อได้ ลดอาหารที่กระตุ้นเหงื่อ: บางอาหาร เช่น อาหารรสจัด เครื่องดื่มคาเฟอีน และอาหารมัน อาจกระตุ้นให้เกิดเหงื่อ เคล็ดลับเพิ่มเติม ใช้ผงดับกลิ่นตัวเด็ก โรยในบริเวณที่เหงื่อออกง่าย ช่วยดูดซับความชื้นและลดกลิ่น ลองใช้ครีมกำจัดขนรักแร้เพื่อกำจัดขนถาวร ช่วยลดแบคทีเรียและกลิ่นได้ ปรึกษาแพทย์ หากคุณมีเหงื่อออกมากผิดปกติหรือมีกลิ่นตัวที่รุนแรง แพทย์อาจแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสม เช่น การฉีดยาโบท็อกซ์ […]
Category Archives: Blog
กล้ามเนื้อกระตุก เกิดจากอะไร กล้ามเนื้อกระตุก เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อโดยไม่ตั้งใจ อาจเกิดขึ้นได้บริเวณส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย สาเหตุของการเกิดกล้ามเนื้อกระตุกมีได้หลายประการ ดังนี้ สาเหตุทางร่างกาย ความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ การขาดสารอาหารบางชนิด เช่น แมกนีเซียม, โพแทสเซียม, แคลเซียม การดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกินไป การสูบบุหรี่ การตั้งครรภ์ สาเหตุทางระบบประสาท โรคพาร์กินสัน โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคลมชัก สาเหตุทางจิตใจ ความเครียด ความวิตกกังวล วิธีรักษา ส่วนมากอาการกล้ามเนื้อกระตุกจะหายได้เองภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ แต่หากมีอาการที่รุนแรงหรือเรื้อรัง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม วิธีรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดการกระตุก เช่น การรับประทานอาหารเสริมหรือปรับเปลี่ยนโภชนาการให้เพียงพอ การพักผ่อนให้เพียงพอ การลดความเครียดและความวิตกกังวล การใช้ยาเพื่อลดการกระตุกของกล้ามเนื้อ การผ่าตัดรักษาโรคทางระบบประสาทที่เป็นสาเหตุ การป้องกัน การป้องกันการเกิดกล้ามเนื้อกระตุกสามารถทำได้โดย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียดและความวิตกกังวล หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกินไป หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
โบท็อกซ์ลดน่อง กับ ดูดไขมันน่อง แตกต่างกันอย่างไร การลดไขมันน่องมี 2 วิธีหลักๆ คือ ฉีดโบท็อกซ์ลดน่อง และ ดูดไขมันน่อง ซึ่งมีจุดประสงค์เหมือนกันคือการลดขนาดน่อง แต่เทคนิคในการทำและผลลัพธ์ที่ได้มีความแตกต่างกัน ดังนี้ โบท็อกซ์ลดน่อง เป็นการฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน เข้าไปที่กล้ามเนื้อน่อง กลไกการออกฤทธิ์คือทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว จึงลดขนาดและความแข็งแรง ส่งผลให้น่องเล็กลง เหมาะสำหรับผู้ที่มีน่องใหญ่จากกล้ามเนื้อหนา ไม่ใช่ไขมัน เห็นผลชัดเจนภายใน 3-8 สัปดาห์หลังฉีด ผลลัพธ์อยู่ได้นานสูงสุด 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ข้อจำกัด: ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีน่องใหญ่จากไขมันหรือมีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ ดูดไขมันน่อง เป็นการสลายไขมันออกจากน่อง โดยใช้เครื่องมือพิเศษที่มีปลายเป็นท่อขนาดเล็ก เหมาะสำหรับผู้ที่มีน่องใหญ่จากไขมันสะสม แพทย์จะกรีดแผลเล็กๆ และสอดท่อเข้าเพื่อปล่อยพลังงาน (เช่น อัลตราซาวนด์ เลเซอร์) ไปสลายไขมัน ไขมันจะถูกดูดออกจากร่างกาย ผ่านท่อที่สอดเข้าไป เห็นผลเร็วและชัดเจนหลังดูดไขมัน ผลลัพธ์ถาวร หากดูแลรักษาหลังการดูดไขมันได้ดี ข้อจำกัด: ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยหรือมีเหล็กดามอยู่ในบริเวณที่จะดูดไขมัน
วันสุขบัญญัติแห่งชาติ ส่งเสริมให้คนไทยรักษาความสะอาด วันสุขบัญญัติแห่งชาติ วันที่ 28 พฤษภาคมของทุกปี ถือเป็นวันที่รณรงค์ให้ประชาชนคนไทยรักความสะอาด โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกและความตระหนักในเรื่องความสำคัญของการรักษาความสะอาดของบ้านเรือน สถานที่สาธารณะ หรือแม้กระทั่งความสะอาดของชุมชนหมู่บ้าน เพื่อป้องกันโรคติดต่อและดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้สะอาด น่าอยู่ และสวยงาม
ดูดไขมันต้นขาร่วมกับการตัดหนัง (Liposuction & Thigh Lift) เหมาะกับใคร การดูดไขมันต้นขาร่วมกับการตัดหนังเหมาะสำหรับบุคคลที่มีปัญหาต้นขาหย่อนคล้อย ผิวหนังหย่อนยาน และมีไขมันส่วนเกินบริเวณต้นขาร โดยทั่วไปแล้วอาจเหมาะกับบุคคลที่มีลักษณะดังต่อไปนี้: คนที่มีต้นขาหย่อนคล้อย ผิวหนังหย่อนยานอย่างมากหลังจากการลดน้ำหนักหรือคลอดบุตร คนที่มีไขมันส่วนเกินบริเวณต้นขาที่ไม่สามารถลดได้ด้วยการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร คนที่มีการกระจายไขมันไม่สม่ำเสมอ ทำให้ต้นขาไม่เรียวสวย คนที่มีปัญหาเซลลูไลต์บริเวณต้นขา คนที่ไม่ต้องการแผลเป็นจากการผ่าตัดแบบดั้งเดิม
กระ คืออะไร กระ (หรือที่เรียกว่าจุดด่างอายุ) เป็นจุดสีน้ำตาลหรือดำที่ปรากฏขึ้นบนผิวหนังอันเป็นผลมาจากการสัมผัสรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ในแสงแดดเป็นเวลานาน กระเกิดขึ้นได้ในทุกเพศและทุกวัย แต่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ กระโดยทั่วไปไม่เป็นอันตรายและไม่ก่อให้เกิดอาการใดๆ แต่อาจทำให้บางคนรู้สึกไม่สบายใจทางด้านความงาม สาเหตุของกระ สาเหตุหลักของกระคือการสัมผัสรังสี UV ในแสงแดด โดยรังสีเหล่านี้จะกระตุ้นเซลล์ในผิวหนังที่เรียกว่าเมลาโนไซต์ให้ผลิตเมลานินมากเกินไป เมลานินเป็นเม็ดสีที่ทำให้ผิวหนังมีสี กระจะปรากฏเมื่อมีการสะสมเมลานินมากเกินไปในบริเวณหนึ่งของผิวหนัง ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดกระ ได้แก่: กรรมพันธุ์: ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นกระจะมีความเสี่ยงในการเกิดกระมากขึ้น สีผิว: ผู้ที่มีผิวขาวหรือผิวแพ้ง่ายมีแนวโน้มที่จะเกิดกระได้มากกว่าผู้ที่มีผิวคล้ำ การได้รับแสงแดดมากเกินไป: การสัมผัสแสงแดดโดยไม่ป้องกันเป็นระยะเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดกระ การตั้งครรภ์: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดการผลิตเมลานินมากเกินไปและทำให้เกิดกระ การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ฮอร์โมนและยาต้านอาการซึมเศร้า อาจทำให้เกิดกระ โดยการเพิ่มความไวของผิวหนังต่อแสงแดด การรักษากระ การรักษากระมีหลายวิธี โดยวิธีการรักษาที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับขนาด ความลึก และจำนวนของกระ แพทย์ผิวหนังจะช่วยแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณ วิธีการรักษาบางวิธี ได้แก่: การใช้ครีมทารักษา: ครีมทารักษาบางชนิดที่มีไฮโดรควิโนน, กรดอะเซลาอิก หรือกรดคาร์โจอิกสามารถช่วยลดการผลิตเมลานินและทำให้กระจางลง การลอกผิวหนังด้วยสารเคมี: การลอกผิวหนังด้วยสารเคมีช่วยกำจัดชั้นนอกของผิวหนังซึ่งมีกระอยู่ ทำให้กระจางลงและเผยให้เห็นผิวใหม่ที่สดใสขึ้น เลเซอร์: เลเซอร์สามารถกำจัดเมลานินส่วนเกินและทำให้กระจางลงได้ โดยไม่ทำลายผิวหนังโดยรอบ การแช่แข็ง: การแช่แข็งใช้น้ำยาไนโตรเจนเหลวเพื่อแช่แข็งและทำลายเซลล์ที่มีเมลานินที่มากเกินไป […]
อาการข้างเคียงทั่วไป ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสีย ปัสสาวะบ่อย เหนื่อยล้า หิวบ่อย กระหายน้ำ ปากแห้ง วิตกกังวล นอนไม่หลับ อาการข้างเคียงรุนแรง เลือดออก ติดเช extender ลิ่มเลือดอุดตัน แผลแตก ไส้ทะลุ มะเร็งกระเพาะอาหาร
เมื่อน้ำหนักเพิ่มขึ้น เกิดอะไรกับสุขภาพ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่ทำลายบุคลิกภาพ แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย นอกจากทำให้ร่างกายอ้วนไม่กระชับแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ได้ ดังนี้ โรคหัวใจและหลอดเลือด: ไขมันที่สะสมอยู่มีส่วนทำให้ผนังหลอดเลือดแดงหนาตัว แข็งตัว เกิดการอุดตัน ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น เกิดโรคหัวใจขาดเลือด และโรคหลอดเลือดสมองตามมาได้ โรคเบาหวานชนิดที่ 2: น้ำหนักที่มากทำให้เนื้อเยื่อของร่างกายดื้อต่ออินซูลิน ไม่ตอบสนองต่ออินซูลินเหมือนเดิม ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินและส่งผลให้ตับอ่อนต้องผลิตอินซูลินเพิ่มขึ้น จนไม่สามารถผลิตได้เพียงพอ เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง และเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน โรคข้อเข่าเสื่อม: เมื่อน้ำหนักตัวมากจะเพิ่มแรงกดบริเวณข้อต่างๆ โดยเฉพาะหัวเข่า ทำให้กระดูกอ่อนที่ข้อถูกใช้งานมากเกินไป เกิดการสึกหรอเร็วกว่าปกติ ทำให้ปวด เข่าบวม และเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมตามมา โรคไต: เมื่อน้ำหนักตัวมาก ไตจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อขับของเสียต่างๆ ออกจากร่างกาย ในระยะยาวจะทำให้ไตเสื่อมสภาพลง และอาจนำไปสู่ภาวะไตวายได้ โรคถุงน้ำดี: ไขมันส่วนเกินที่สะสมในช่องท้องและตับ จะทำให้เกิดการทำงานเกิดความผิดปกติของน้ำดี เกิดภาวะถุงน้ำดีอักเสบ และกลายเป็นนิ่วในถุงน้ำดีตามมาได้
สะโพกบุ๋ม คืออะไร สะโพกบุ๋ม หรือ Cellulite คือภาวะที่ผิวหนังบริเวณสะโพก ก้น และต้นขา เกิดการหย่อนคล้อยเป็นหลุมหรือคลื่นเล็กๆ มักเกิดในผู้หญิง เพราะฮอร์โมนของผู้หญิงจะกระตุ้นให้เซลล์ไขมันสะสมที่ใต้ผิวหนังมากขึ้น ผิวหนังจึงถูกดันให้ปูดออก และเกิดการหย่อนคล้อยบริเวณโดยรอบกลายเป็นหลุมหรือคลื่นเล็กๆ สาเหตุที่ทำให้เกิดสะโพกบุ๋ม สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดสะโพกบุ๋ม ได้แก่ พันธุกรรม: มีการศึกษาพบว่า หากมีแม่หรือพี่สาวมีสะโพกบุ๋ม คุณก็จะเสี่ยงเกิดสะโพกบุ๋มเช่นกัน ฮอร์โมน: ฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงมีบทบาทสำคัญในการกักเก็บไขมัน ซึ่งส่งผลให้ผู้หญิงมีแนวโน้มเกิดสะโพกบุ๋มมากกว่าผู้ชาย ไขมันใต้ผิวหนัง: เมื่อไขมันใต้ผิวหนังสะสมมากเกินไป ไขมันจะดันผิวหนังและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันโดยรอบให้ยื่นออกมา ทำให้เกิดการหย่อนคล้อยเป็นหลุมหรือคลื่นได้ โครงสร้างผิวหนัง: เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังช่วยทำให้ผิวหนังกระชับ หากเส้นใยเหล่านี้เสื่อมสภาพลง ผิวหนังจะหย่อนคล้อยและเกิดสะโพกบุ๋มได้ง่ายขึ้น การไหลเวียนเลือดไม่ดี: การไหลเวียนเลือดไม่ดีทำให้ของเสียไม่ถูกขับออก ส่งผลให้เกิดการคั่งค้างของของเสียและของเหลวบริเวณใต้ผิวหนัง และทำให้เกิดสะโพกบุ๋มได้ การรักษาสะโพกบุ๋ม ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาสะโพกบุ๋มให้หายขาด แต่มีวิธีการต่างๆ ที่ช่วยลดความรุนแรงได้ ได้แก่ การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์: เช่น การควบคุมน้ำหนัก การออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ การนวดและการดูแลผิว ครีมหรือเจลลดสะโพกบุ๋ม: ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีส่วนประกอบที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด สลายไขมัน และกระชับผิว แต่ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล การรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency): เป็นการใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวหนังกระชับและลดการหย่อนคล้อยได้ […]
อาหารแสลงหลังผ่าตัด ที่กินแล้วอาจทำให้เกิดแผลเป็น หลังจากที่ผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว บางคนก็มักจะหันมาใส่ใจในเรื่องอาหารการกิน เพื่อให้แผลหายได้เร็วๆ และไม่เกิดแผลเป็น แต่บางท่านอาจไม่ทราบว่า มีอาหารบางประเภทที่ควรงดทานหลังจากการผ่าตัด เพราะอาหารเหล่านี้จัดอยู่ในอาหารแสลงที่อาจทำให้เกิดแผลเป็น ได้แก่ อาหารทะเล เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา เพราะอาหารทะเลมีสารฮีสตามีนที่อาจทำให้เกิดอาการคัน บวม อักเสบบริเวณที่เป็นแผลผ่าตัดได้ ไข่ไก่ ไข่เป็ด เพราะสารโปรตีนในไข่จะไปกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดแผลเป็นนูนนูนได้ ผักบางชนิด เช่น หน่อไม้ ถั่วฝักยาว เห็ด ฟักทอง มะเขือเทศ เพราะผักเหล่านี้มีธาตุออกซาเลตสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการคัน แสบ และระคายเคืองบริเวณแผลผ่าตัดได้ ของหมักดอง ของดองเค็ม ของเหล่านี้มีฤทธิ์เป็นกรด อาจทำให้แผลผ่าตัดหายช้า แถมยังทำให้เสี่ยงติดเชื้อได้อีกด้วย น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มเหล่านี้ไปลดประสิทธิภาพของเซลล์เม็ดเลือดขาว และทำให้แผลหายช้า ของทอด ของมัน อาหารประเภทนี้จะทำให้เกิดการอักเสบของร่างกาย อาจทำให้เกิดแผลเป็นได้ อาหารที่ทำให้เกิดแผลเป็นนูน หรือคีลอยด์ เช่น เนื้อไก่ ไข่ กุ้ง หอย […]
ไขมันดี เลือกกินให้ถูกวิธี สุขภาพดี ไม่มีอ้วน ไขมันเป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำงานของร่างกาย มีหน้าที่สร้างฮอร์โมน สร้างเยื่อหุ้มเซลล์ สร้างพลังงาน และช่วยดูดซึมวิตามินต่างๆ ที่ละลายได้ในไขมันได้ดีขึ้น แต่ถึงแม้ไขมันจะมีประโยชน์ แต่ก็ควรเลือกกินไขมันให้ถูกประเภทด้วย เพราะไขมันบางชนิดมีประโยชน์ต่อสุขภาพในขณะที่บางชนิดอาจเป็นโทษได้ ไขมันดีมีประโยชน์อย่างไร ไขมันดีหรือไขมันไม่อิ่มตัว เป็นไขมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ หัวใจ สมอง และระบบไหลเวียนโลหิต ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ ไขมันดีมี 2 ประเภท ได้แก่ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว พบมากในน้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา และน้ำมันอะโวคาโด มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน พบมากในปลาทะเล น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันทานตะวัน และน้ำมันดอกคำฝอย มีส่วนช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ซึ่งเป็นไขมันชนิดหนึ่งที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้ เลือกกินไขมันดีอย่างไร เลือกเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา เนื้อหมูไม่ติดมัน ใช้น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา หรือน้ำมันอะโวคาโด สำหรับปรุงอาหาร กินปลาทะเลอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน […]
ลดเหนียงใต้คางภายใน 7วัน วิธีลดเหนียงใต้คางให้ได้ผลลัพท์สูงสุด การมีเหนียงใต้คางเป็นปัญหาที่ทำให้รูปหน้าดูไม่กระชับ ทำให้สูญเสียความมั่นอกมั่นเกิน แต่ปัญหาเหล่าสามารถแก้ไขได้ เพียงแค่ปฏิบัติตามวิธีลดเหนียงใต้คางอย่างเคร่งครัดเป็นประจำ แล้วจะได้ผลลัพท์ที่ดีภายใน 7วัน วิธีลดเหนียงใต้คางที่ได้ผลลัพท์ชัดเจน 1. ออกกำลังกายบริหารลดเหนียง Kau gaki: ทำโดยการอ้าปากกว้่างๆ ห่อริมฝีปากเข้า ให้งับฟันทั้งสองข้างค่อยๆ ห่อกลับภายใน แล้วอ้าออก ทำแบบซ้ๆ 10 รอบต่อวัน ช่วยลดเหนียง เสริมสร้างความแข็งแร่เส้นคาง Chin chin: ทาางให้หน้าตรง ทรงคางลง สายตามองหน้า ทาางคางยกขึ้นลงประมาณ 1 นิ้ว ทำช้าใน 10 รอบ ช่วยสร้างความยืดหยุ่นเต่งต่งหนังบริเวณคาง Kiss Up: นั่งในท่าตรง หงายหน้าขึ้น มองเพดาน ห่อปากคล้ายการจุ๊บปาก ค้อนคางลงเล็กน้อย ทาแบบช้าๆเช่นเคย 10 รอบ 2. นวดหน้าลดเหนียง ใช้ปลายนิ้วนวดวนเป็นวงตรงใต้คางบริเวณที่มีความหย่อนคล้อย นวดประมาณ 5 นาทีทุกเช้าเย็น ใช้ค้อนเย็นหรือนกน้ำแข็งประคบริเวณใต้คาง 10-15 นาที […]