วิธีขضاءรังแค หนังศีรษะแห้งและคัน หนังศีรษะแห้งและคันเป็นปัญหาหนังศีรษะที่พบบ่อย ซึ่งอาจทำให้ไม่สบายตัวและรู้สึกเขินอาย อาจมีสาเหตุมาจากสิ่งต่างๆ ได้หลากกลาย เช่น ผิวแห้ง, รังแค และโรคสะอراز ขั้นตอน 1. สระผมบ่อยน้อยลง การสระผมบ่อยเกินไปอาจทำให้หนังศีรษะแห้งได้ ลองสระผมทุกๆ 2-3วันและใช้แซมพูอ่อนๆ 2. ใช้น้ำมันมะพร้วย น้ำมันมะพร้าวก่อให้ความชุ่มชื้นและบำรุงหนังศีรษะได้ดี นวดน้ำมันมะพร้าลงหนังศีรษะ ทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีก่อนสระผม 3. ใช้วิตามินอี วิตามินอี ช่วยซ่อมแซมผิวหนังแห้ง แตกและคันได้ นวดน้ำมันวิตามินอีบริเวณที่แห้งและคัน ทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีก่อนล้างออก 4. ใช้น้ำมันมะกอก น้ำมันมะกอกอุดมด้วยกรดไขมันจำเป็นที่ให้ความชุ่มชื้นแก่หนังศีรษะได้ดี นวดน้ำมันมะกอกลงหนังศีรษะ ทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีก่อนสระผม 5. ใช้อโลเวร่า อโลเวร่ามีคุณสมบัติในการต้านอักเสบและให้ความชุ่มชื้นได้ดี นวดน้ำใบบัวหิมะลงหนังศีรษะ ทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีก่อนล้างออก 6. ปรึษาผู้เชียวชาญ หากวิธีรักษาด้วยตนเองไม่ได้ผล อาจปรึษาผู้เชียวชาญได้ เช่น แพทย์ผิวหนัง ผู้เชียวชาญอาจสั่งแซมพูหรือโลชั่นรักษาโรคสะอرازได้
Category Archives: Nutri
อาการปวดคอที่คุณต้องรู้ อาการปวดคอเป็นอาการที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนวัยทำงาน หรือผู้ที่ต้องนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การมองลงที่สมาร์ทโฟนบ่อยๆ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดอาการปวดคอได้เช่นกัน อาการปวดคอ ส่วนใหญ่เกิดจากความเครียด การนอนที่ไม่ถูกต้อง การใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนนานๆ การเคล็ดขัดยอก กล้ามเนื้ออักเสบ หรืออาจเกิดจากความผิดปกติทางโครงสร้างของกระดูกคอ หากมีอาการปวดคอที่รุนแรงหรือเรื้อรัง อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น หมอนรองกระดูกคอเคลื่อน ทับเส้นประสาท กระดูกคอเสื่อม โรคข้อเข่าเสื่อมของกระดูกสันหลังคอ และโรคมะเร็ง อาการของโรคปวดคอ แบ่งออกได้หลายระดับ ตั้งแต่ปวดบริเวณคอเล็กน้อย ไปจนถึงอาการปวดรุนแรงจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ที่พบบ่อยมีดังนี้ ปวดบริเวณท้ายทอย ปวดร้าวไปที่บริเวณหัว ไหล่ และแขน คอเคลื่อนไหวลำบาก กล้ามเนื้อคอตึง ปวดตื้อบริเวณคอและไหล่ มีเสียงดังบริเวณคอเวลาก้มเงย หรือหมุนคอ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ รู้สึกคลื่นไส้ อาการเหล่านี้สามารถบรรเทาได้ด้วยการพักการใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน การประคบเย็น การนวด หรือรับประทานยาแก้ปวด แต่หากอาการปวดไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอ่อนแรงของแขนขา ร่วมกับการชาที่มือหรือเท้าควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและรักษาที่ถูกต้อง
วิธีออกกำลังกายอย่างง่ายในช่วงฤดูหนาว แม้ว่าอากาศเย็นจะทำให้ไม่อยากออกจากบ้าน แต่การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่อากาศเย็น การออกกำลังกายสามารถช่วยให้ร่างกายอบอุ่น เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ต่อไปนี้คือวิธีออกกำลังกายอย่างง่ายๆ ที่สามารถทำได้ในช่วงฤดูหนาว การเดิน การเดินเป็นวิธีออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกคน โดยไม่คำนึงถึงอายุหรือระดับความฟิต เพียงแค่สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสมและออกไปเดินในสวนสาธารณะหรือในละแวกบ้าน การเดินช่วยเผาผลาญแคลอรี่ เสริมสร้างกล้ามเนื้อ และช่วยเพิ่มระดับพลังงาน การว่ายน้ำ การว่ายน้ำเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีในการออกกำลังกายในช่วงฤดูหนาว น้ำช่วยให้ร่างกายลอยตัวและลดแรงกระแทก ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาข้อหรือหลัง นอกจากนี้ การว่ายน้ำยังช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ในอัตราที่สูง และช่วยให้ร่างกายอบอุ่น โยคะ โยคะเป็นกิจกรรมที่ยอดเยี่ยมสำหรับการออกกำลังกายทั้งร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาว ท่าโยคะต่างๆ สามารถช่วยให้ร่างกายยืดหยุ่น อบอุ่น และผ่อนคลายได้ นอกจากนี้ โยคะยังช่วยลดความเครียดและปรับปรุงการนอนหลับได้ด้วย การฝึกความแข็งแรง การฝึกความแข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาสุขภาพของกระดูกและกล้ามเนื้อ รวมถึงสามารถช่วยเผาผลาญแคลอรี่และเพิ่มการเผาผลาญได้ด้วย ในช่วงฤดูหนาว การฝึกความแข็งแรงสามารถทำได้ที่บ้านโดยใช้ดัมเบล น้ำหนักตัว หรือแม้แต่ยางยืด การเต้น การเต้นเป็นวิธีออกกำลังกายที่สนุกและมีประสิทธิภาพ และยังสามารถทำได้ที่บ้านได้อีกด้วย เปิดเพลงโปรดและเต้นไปตามจังหวะ การเต้นเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเผาผลาญแคลอรี่ เพิ่มระดับพลังงาน และทำให้ร่างกายอบอุ่นได้
6 นิสัยเสียสุขภาพจิต นิสัยบางอย่างของเราอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพใจของเราได้โดยที่เราไม่รู้ตัว และอาจเกิดเป็นปัญหาสุขภาพจิตในระยะยาวได้ ต่อไปนี้คือหกนิสัยที่ควรงดเว้นเพื่อสุขภาพจิตที่ดี เปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นอยู่เสมอ การเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นบ่อยๆ จะทำให้เกิดความรู้สึกอิจฉา ไม่เพียงพอ และทำให้เรามองข้ามคุณค่าที่แท้จริงของตัวเองไป นำไปสู่ความเครียด ความวิตกกังวล และความเศร้าได้ในระยะยาว ความคิดเชิงลบ การมีมุมมองในแง่ลบต่อชีวิต สถานการณ์ต่างๆ และตัวเราเองจะทำให้เรารู้สึกหดหู่และหมดหวังได้ง่ายขึ้น ความคิดเชิงลบยังเป็นเหมือนกับการสะกดจิตตัวเราเองให้เชื่อในสิ่งที่ไม่จริง จนส่งผลให้เรามีมุมมองที่ไม่ดีต่อชีวิตมากยิ่งขึ้น การเลี่ยงปัญหา การเลี่ยงหรือหนีปัญหาจะไม่ช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้นได้ และยังเป็นการสะสมภาระให้กับจิตใจในระยะยาว อีกทั้งยังจะทำให้เรามองตัวเองในแง่ลบ และไม่สามารถพัฒนาตนเองได้ การระบายความรู้สึกในเชิงลบ การระบายความรู้สึกในเชิงลบหรือการบ่นบ่อยๆ เป็นนิสัยที่ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพจิตเลย เนื่องจากจะทำให้เรามีสภาวะโทษตัวเองมากยิ่งขึ้น และยังเป็นการปล่อยให้ความคิดด้านลบวนเวียนอยู่ในหัวของเราไปเรื่อยๆ อีกด้วย การใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ การใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์เพื่อระบายความเครียดหรือแก้ปัญหาเป็นความคิดที่ผิด เพราะการเสพติดสารเหล่านี้จะยิ่งทำลายสุขภาพจิตของเราในระยะยาว การนอนไม่เพียงพอ การนอนไม่เพียงพอส่งผลต่อสุขภาพจิตของเรามากกว่าที่เราคิด เพราะการนอนหลับเป็นการล้างพิษสมองของเสีย และเป็นช่วงเวลาที่สมองจะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอจากการใช้งาน ดังนั้น การนอนไม่เพียงพอก็เสมือนการปิดกั้นการพักผ่อนของสมองนั่นเอง
6 เคล็ดลับเด็ดที่ช่วยทำให้ผมยาวสวยดั่งใจ สำหรับสาวๆ ที่อยากมีผมยาวสลวยดุจดั่งนางพญา แต่กลับประสบปัญหาผมสั้นไม่ยอมยาวเสียที ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะเรามีเคล็ดลับที่ช่วยทำให้ผมยาวเร็วมาฝาก หมั่นตัดแต่งปลายผมเป็นประจำ: ปลายผมที่แห้งแตกจะมีส่วนทำให้ผมขาดหลุดร่วงได้ง่าย ดังนั้นจึงควรหมั่นตัดแต่งปลายผมอย่างน้อยทุกๆ 6-8 สัปดาห์ เพื่อกำจัดส่วนที่แห้งเสียออกไป นวดหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต: การนวดหนังศีรษะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ซึ่งส่งผลให้รากผมได้รับสารอาหารมากขึ้น ผมจึงแข็งแรงและยาวเร็วขึ้น ลองใช้นิ้วนวดเบาๆ บริเวณหนังศีรษะเป็นเวลา 5-10 นาทีทุกวัน ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผมที่เหมาะกับสภาพเส้นผม: ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ตรงกับสภาพเส้นผมของตนเอง เพื่อลดการทำลายและช่วยบำรุงให้ผมแข็งแรง ยกตัวอย่างเช่น ผมแห้งควรใช้แชมพูและครีมนวดสำหรับผมแห้ง เป็นต้น หมักผมด้วยน้ำมันมะพร้าวอย่างสม่ำเสมอ: น้ำมันมะพร้าวมีสารอาหารที่ช่วยบำรุงเส้นผม ทำให้สุขภาพผมดี หล่อเลี้ยงเส้นผมให้แข็งแรง ลดการขาดร่วง และกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมได้อย่างดี ให้หมักผมด้วยน้ำมันมะพร้าวอุ่นๆ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อเส้นผม: เส้นผมต้องการสารอาหารที่หลากหลายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้เส้นผม ควรกินอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ ถั่วเหลือง และควินัว รวมถึงอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุสำคัญ เช่น วิตามินซี วิตามินอี ไบโอติน และสังกะสี นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญ เพราะในขณะที่นอนหลับร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน ซึ่งมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของเส้นผม […]
6 นิสัยที่ทำร้ายสุขภาพจิต มัวหมองในอดีต การจมปลักอยู่กับเหตุการณ์ในอดีต การคร่ำครวญคร่ำครวญความผิดพลาดในอดีตหรือสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ อาจนำไปสู่ความคิดเชิงลบ ภาวะซึมเศร้า และความวิตกกังวล กังวลเรื่องอนาคต การมัวแต่กังวลเรื่องอนาคตอย่างไม่รู้จบ เช่น การหมกมุ่นอยู่กับผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด หรือการพยายามคาดการณ์สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ อาจทำให้เกิดความเครียด ความวิตกกังวล และความรู้สึกไม่มั่นใจ เปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น การเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง มักจะนำไปสู่ความรู้สึกไม่เพียงพอ ภาวะซึมเศร้า และความภาคภูมิใจในตนเองลดลง หลีกหนีปัญหา แทนที่จะเผชิญกับปัญหา การหลีกหนีความรู้สึกไม่สบายหรือสถานการณ์ที่เครียด อาจนำไปสู่ความวิตกกังวล ความหดหู่ และความสัมพันธ์ที่บกพร่อง ขาดการดูแลตนเอง การละเลยการดูแลตนเอง เช่น การรับประทานอาหารที่ไม่ดี การนอนไม่หลับ และการออกกำลังกายไม่เพียงพอ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต โดยทำให้เกิดความเหนื่อยล้า อารมณ์แปรปรวน และความยากลำบากในการควบคุมความคิดและอารมณ์ ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ การอยู่ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่มีพิษหรือไม่เอื้ออำนวย อาจนำไปสู่การหลงผิด การสูญเสียความมั่นใจในตนเอง และความเครียดอย่างต่อเนื่อง
เคล็ดลับสุดพิเศษ 6 ประการคืนความอิ่มเอิบให้แก่ผิว ผิวที่ขาดความชุ่มชื้นมักจะรู้สึกหยาบกร้าน ไม่เรียบเนียน เกิดริ้วรอยได้ง่าย และอาจเกิดการระคายเคืองได้ นี่คือเคล็ดลับบางประการที่จะช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว เพื่อให้คุณมีผิวที่สุขภาพดี เปล่งปลั่ง และอ่อนนุ่ม: ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยน: การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่รุนแรงเกินไปอาจชะล้างน้ำมันที่จำเป็นออกจากผิว ทำให้ผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้น เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสูตรอ่อนโยนที่ปราศจากสารซัลเฟตและน้ำหอม ชำระล้างผิวด้วยน้ำอุ่น: น้ำร้อนอาจจะทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นได้ เลือกใช้น้ำอุ่นเมื่ออาบน้ำหรือล้างหน้า เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการดูดซับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมากขึ้น ทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำ: ครีมบำรุงผิวเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเติมความชุ่มชื้นให้ผิว เลือกใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น เช่น Ceramides, Hyaluronic Acid และ Glycerin ทั้งนี้ให้นวดครีมเบาๆ ลงบนผิวที่สะอาดและหมาดเล็กน้อยเพื่อให้ดูดซับได้ดีขึ้น พอกหน้าด้วยมาส์ก: มาส์กหน้าสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เลือกใช้มาส์กที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติและให้ความชุ่มชื้นได้ดี เช่น น้ำผึ้ง อะโวคาโด หรือแตงกวา ทาครีมให้ทั่วใบหน้าและทิ้งไว้ตามระยะเวลาที่กำหนด จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็นเพื่อรับผิวที่นุ่มและชุ่มชื้น หลีกเลี่ยงสารระคายเคืองในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว: สารบางอย่างที่พบในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอาจกระตุ้นให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่รุนแรง เช่น แอลกอฮอล์, กรดซาลิไซลิก หรือเรตินอยด์ สูงเกินไป ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำให้เพียงพอมีความสำคัญต่อการคงความชุ่มชื้นของร่างกายและผิว เมื่อคุณได้รับน้ำที่เพียงพอ ผิวของคุณก็จะชุ่มชื้นและดูสุขภาพดีมากขึ้น
6 เมนูสลัดทำง่ายใน 7 นาที หากคุณกำลังมองหาเมนูอาหารมื้ออร่อยที่ทำง่ายและรวดเร็ว สลัดคือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาแล้ว สลัดยังเต็มไปด้วยสารอาหารและสามารถปรับเปลี่ยนส่วนผสมได้หลากหลายตามความชอบของแต่ละคนอีกด้วย ต่อไปนี้คือ 6 สูรสลัดสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ ซึ่งคุณสามารถทำได้อย่างรวดเร็วทันใจภายใน 7 นาทีเท่านั้น สลัดผักกาดหอม มะเขือเทศ และแตงกวา สลัดสูตรดับร้อนนี้เป็นเมนูที่ง่ายและคลาสสิก เพียงแค่ผสมผสานผักกาดหอม แตงกวา และมะเขือเทศ นำไปแช่เย็นเพื่อให้เย็นฉ่ำ แล้วราดด้วยน้ำสลัดที่คุณชื่นชอบ สลัดผลไม้รวม สำหรับเมนูของหวานหรือของว่างเพื่อสุขภาพ สลัดผลไม้รวมเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยม เพียงแค่ผสมผสานผลไม้ตามฤดูกาลที่คุณชอบลงในชาม แล้วราดด้วยน้ำผึ้งหรือโยเกิร์ตสำหรับรสหวานที่ลงตัว สลัดคีนัว อะโวคาโด และมะเขือเทศ หากคุณกำลังมองหาเมนูสลัดที่ให้พลังงานและอิ่มท้อง สลัดนี้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคุณ เพียงแค่ผสมผสานคีนัวต้ม อะโวคาโด และมะเขือเทศ เข้าด้วยกัน แล้วปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำมันมะกอก และเกลือ สลัดแซลมอนย่างกับผักโขม สำหรับเมนูสลัดอาหารเย็นที่เต็มไปด้วยโปรตีน สลัดแซลมอนย่างนี้เป็นเมนูที่เหมาะเหม็ง เพียงแค่ย่างแซลมอนให้สุก แล้วนำมาวางบนผักโขม พร้อมด้วยพาร์เมซานชีส น้ำมันมะกอก และบัลซามิก สลัดถั่วงอก บรอกโคลี และแครอท สลัดสูตรนี้เหมาะสำหรับการเพิ่มผักต่างๆ ให้กับมื้ออาหารของคุณ เพียงแค่ผสมผสานถั่วงอก บรอกโคลี […]
6 ท่าออกกำลังกายที่ทำได้ทุกที่ทุกเวลา หากคุณกำลังมองหาวิธีออกกำลังกายแบบง่ายๆ ที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้พื้นที่หรืออุปกรณ์มากมาย ต่อไปนี้เป็น 6 ท่าออกกำลังกายที่ทำได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่จำกัดว่าคุณจะอยู่บ้าน สำนักงาน หรือแม้แต่ในระหว่างการเดินทาง ท่าเหล่านี้จะช่วยให้คุณเคลื่อนไหวร่างกาย ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น และเผาผลาญแคลอรีได้ โดยไม่ต้องใช้เวลาหรือความพยายามมากมาย
เคล็ดลับ 6 ประการ ฟื้นฟูผิวชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก การมีผิวชุ่มชื่นคือกุญแจสำคัญของผิวสุขภาพดี เปล่งปลั่ง ไม่หมองคล้ำ แต่การที่ผิวขาดความชุ่มชื้นนั้นเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น มลภาวะ แสงแดด ความเครียด และการใช้ผลิตภัณฑ์ตาที่รุนแรงจนทำให้เกิดการระคายเคือง แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะเรามี 6 เคล็ดลับมาช่วยฟื้นฟูผิวชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก มาดูกันเลย 1. ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน ขั้นตอนแรกของการดูแลผิวคือการทำความสะอาด ซึ่งควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตาล้างหน้าสำหรับผิวแห้งหรือแพ้งง่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง แนะนำให้ใช้น้ำอุ่นในการล้างหน้าและแตะซับเบาๆ ด้วยผ้านุ่ม ไม่ควรขัดผิวแรงๆ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองมากขึ้น 2. บำรุงด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้น หลังจากทำความสะอาดผิวแล้ว สิ่งสำคัญคือการบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ โดยควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื่นยาวนานและไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน มีส่วนผสมที่ช่วยเติมน้ำและกักเก็บความชุ่มชื้นอย่าง เซราไมด์ กรดไฮยาลูรอนิก และเชียบัตเตอร์ 3. ใช้น้ำมันธรรมชาติบำรุงผิว น้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอะโวคาโด และน้ำมันโจโจ้บา เป็นตัวช่วยที่ดีในการฟื้นฟูสภาพผิว โดยน้ำมันเหล่านี้จะซึมซาบเข้าสู่ผิวและกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ ทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่น และมีสุขภาพดี 4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำวันละ 8 แก้วเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพผิว โดยน้ำจะช่วยให้เซลล์ผิวได้รับความชุ่มชื้นจากด้านใน ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งและมีสุขภาพดีจากการที่ร่างมีมีการไหลเวียนเลือดที่ดี […]
การเลือกครีมบำรุงผิวสำหรับผิวมัน การเลือกครีมบำรุงผิวที่เห pòะสมกับผิวมันเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงความมันวาวและการอุดตันของรูขุมขน นี่คือหลั AACs ทั่วไปในการเลือกครีมบำรุงผิวสำหรับผิวมัน: ส่วนผสมที่คุมความมัน (Oil-Controlling Ingredients): ค้นหาส่วนผสมเช่น กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid), กรดแลคติก (Lactic Acid) และซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) ซึ่งช่วยลดความมันส่วน เกินและควบคุมการผลิตน้ำมัน เนื้อบางเบา: เลือกครีมที่มีเนื้อบางเบา เช่น เจล บาล์ม หรือเซรั่ม เพื่อหลีกเลี่ยงการอุดตันรูขุมขน ผลิตภัณ ท์เหล่านี้จะซึมลึกเข้าบำรุงผิวโดยไม่ทำให้ผิวมันวาว ปราศจากน้ำมัน (Oil-Free): เลือกครีมที่ระบุว่า “ปราศจากน้ำมัน” เพื่อให้แน่ใจว่าครีมจะไม่เพิ่มความมันบนผิว ไม่ก่อเกิดสิว (Non-comedogenic): มองหาผลิตภัณ ท์ที่ระบุว่า “ไม่ก่อ สิว” เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดสิว ส่วนผสมให้ความชุ่มชื่น (Humectants): ถึงแม้ผิวมันจะต้องการความมันน้อยลง แต่ก็ยังจำเป็นต้องได้รับความชุ่มชื่น ให้หาส่วนผสม เช่น กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) และกลีเซอรีน (Glycerin) ซึ่งช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ผิวโดยไม่ทำให้ผิวมัน […]
อาการปวดคอที่คุณต้องรู้ อาการปวดคอ เป็นอาการทั่วไปที่พบได้บ่อย โดยอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากความเครียด การนั่งทำงานเป็นเวลานาน หรือท่าทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งปกติแล้วอาการปวดมักจะหายได้เองภายในเวลาไม่กี่วัน อย่างไรก็ตาม หากอาการปวดคอยังคงอยู่เป็นเวลานาน หรือมีอาการปวดรุนแรง ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง สาเหตุของอาการปวดคอ สาเหตุของอาการปวดคอ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ กล้ามเนื้อคอตึงเครียด ซึ่งอาจเกิดจากความเครียด การนั่งทำงานเป็นเวลานาน หรือการทำกิจกรรมที่ต้องใช้กล้ามเนื้อคอมากเกินไป ปัญหาทางโครงสร้าง เช่น หมอนรองกระดูกสันหลังคอเสื่อมสภาพ กระดูกคอเสื่อม หรือมีการบาดเจ็บที่คอ